ทำไม สวีเดน จึงเป็นประเทศแห่ง ผู้ประกอบการระดับโลก? /โดย ลงทุนแมน
หากมีการจัดอันดับประเทศในโลก
ไม่ว่าจะเป็น ประเทศที่เหมาะแก่การทำธุรกิจมากที่สุด
หรือประเทศที่มีนวัตกรรมโดดเด่นที่สุด
จะต้องมีชื่อ “สวีเดน” ติดอันดับ Top 5 แทบทุกครั้ง
สวีเดนตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป มีทิวทัศน์อันสวยงามและเต็มไปด้วยทะเลสาบ
มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่มีประชากรเพียง 10 ล้านคน
ถึงแม้จะมีประชากรน้อย แต่ชาวสวีเดนกลับสร้างสรรค์แบรนด์ระดับโลกประดับไว้ในแทบทุกวงการ
เฟอร์นิเจอร์มีแบรนด์ IKEA
เสื้อผ้ามีแบรนด์ H&M
รถยนต์มี Volvo
ส่วนเทคโนโลยีก็มี Spotify
อะไรที่ทำให้ประเทศที่มีประชากรเพียง 10 ล้านคน
ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการ ก่อตั้งบริษัทใหญ่ที่ขายสินค้าให้คนทั้งโลก?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สวีเดน จึงเป็นประเทศแห่ง ผู้ประกอบการระดับโลก?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
สวีเดนเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่เรียกว่า สแกนดิเนเวีย
ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเดนมาร์ก และนอร์เวย์
ผู้คนในประเทศเหล่านี้ เป็นลูกหลานของบรรพบุรุษชาวไวกิง ที่มีฝีมือขึ้นชื่อในเรื่องของการสู้รบและการเดินเรือ
ด้วยการทำอาวุธและการต่อเรือนี่เอง ที่ทำให้ทักษะงานช่าง และความเป็นนักประดิษฐ์
แฝงอยู่ในสายเลือดของชาวสวีเดนมาตั้งแต่ยุคโบราณ
สวีเดนเป็นประเทศที่มีประชากรน้อย สินค้าและบริการที่ถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา
จึงจำเป็นที่จะต้องมีตลาดต่างประเทศเป็นฐานรองรับ
“การขายสินค้าให้คนทั้งโลก” จึงเป็นความตั้งใจหลักของผู้ประกอบการชาวสวีเดน
แต่การที่จะมี Vision ในการขายสินค้าให้คนทั้งโลกไม่ใช่เรื่องง่าย
ชาวสวีเดนจำเป็นต้องมี Action ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบหลายประการร่วมกัน
ประการแรก คือ “องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์”
รู้หรือไม่ว่า สิ่งรอบตัวที่เราพบเห็นในปัจจุบัน ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากการประดิษฐ์คิดค้น
ของนักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิองศาเซลเซียส,
ชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต และระเบิดไดนาไมต์
ความรุ่งเรืองทางวิทยาการมีจุดเริ่มต้นย้อนไปในศตวรรษที่ 15
เมื่อมีการตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกในแถบสแกนดิเนเวีย คือ มหาวิทยาลัยอุปซอลา
(Uppsala Universitet) ในเมืองอุปซอลา ทางตอนเหนือของกรุงสต็อกโฮล์ม
เมื่อสวีเดนประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่จำกัดอำนาจของราชวงศ์ในปี ค.ศ. 1719
กลายเป็นรากฐานของประชาธิปไตยและเสรีภาพ นำมาสู่ความเบ่งบานทางวิชาการและการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ โดยมีมหาวิทยาลัยอุปซอลาเป็นกำลังสำคัญ ที่ผลิตบุคคลป้อนเข้าสู่แวดวงวิชาการ
ทั้ง Anders Celsius ผู้พัฒนาระบบการแบ่งช่องในเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิ ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า “องศาเซลเซียส” ตามชื่อของเขา
Carl Linnaeus นักพฤกษศาสตร์ผู้ริเริ่มการจัดแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ นำมาสู่การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ ที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาชีววิทยา
Linnaeus ยังเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน ในปี ค.ศ. 1739
ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในยุคต่อมา
โดยเฉพาะการก่อตั้ง KTH Royal Institute of Technology ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ในปี ค.ศ. 1824 ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่ผลิตนักประดิษฐ์มากมาย
หนึ่งในนั้นคือพ่อของนักประดิษฐ์ชาวสวีเดนผู้ยิ่งใหญ่ Alfred Nobel
Alfred Nobel ได้รับความรู้ด้านการประดิษฐ์คิดค้นมาจากผู้เป็นพ่อ ต่อมาเมื่อย้ายไปอยู่รัสเซียได้ศึกษาด้านเคมีจนสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์มากมาย โดยเฉพาะ “ระเบิดไดนาไมต์” ที่ช่วยปฏิวัติการทำเหมืองแร่
Nobel เป็นผู้นำสิ่งประดิษฐ์มาแปรเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่ทำรายได้มหาศาล
ในช่วงบั้นปลายชีวิตเขาได้ตัดสินใจก่อตั้งรางวัลโนเบล
รางวัลที่เป็นเกียรติยศสูงสุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะได้รับจากความสำเร็จของการศึกษาวิจัยค้นคว้า
ถึงแม้จะมีวิทยาการที่ก้าวหน้า แต่ปัญหาการเมืองและความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านก็ทำให้สวีเดนเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรปหลายสิบปี
แต่ข้อได้เปรียบของสวีเดนคือการมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
โดยเฉพาะป่าไม้ และแร่เหล็ก สิ่งเหล่านี้เป็นที่ต้องการอย่างมากของประเทศที่กำลังรุ่งโรจน์ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศส สวีเดนจึงดึงดูดการลงทุนจากนักธุรกิจของประเทศเหล่านี้
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จึงเริ่มมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่รอบๆ กรุงสต็อกโฮล์มและเขตเมืองใหญ่
ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมก็ปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อการค้าขายกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนจากระบบหมู่บ้านที่เกษตรกรจะอาศัยทำกินในที่ดินร่วมกัน กลายเป็นต่างคนต่างเพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิต
แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วครั้งนี้ ก็ทำให้ครัวเรือนเกษตรกรจำนวนมากปรับตัวไม่ทัน
ในขณะที่ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันที่อีกซีกโลกหนึ่ง ประเทศน้องใหม่อย่างสหรัฐอเมริกากำลังขยายประเทศ
มีกฎหมายที่สนับสนุนให้มีการขายที่ดินในราคาถูกจนเหมือนให้เปล่าแก่ผู้ที่กล้าเดินทางไปตั้งถิ่นฐานยังแถบตะวันตก
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือ ครัวเรือนเกษตรกรเกือบ 1 ล้านคน ตัดสินใจอพยพไปตั้งถิ่นฐานยังสหรัฐอเมริกา
ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของประชากรสวีเดนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในครั้งนั้นเอง ได้นำมาสู่ปัจจัยสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ของสวีเดน
นั่นก็คือ..
ประการที่ 2 “ความเท่าเทียม”
การอพยพออกจากประเทศครั้งใหญ่ของชาวสวีเดนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2 ประการ
ประการแรก ทำให้ประชากรวัยแรงงานลดลงอย่างมาก เมื่อสวีเดนปฏิวัติอุตสาหกรรมและมีโรงงานที่ต้องการแรงงานเพิ่มมากขึ้น ผลที่ได้คือ แรงงานที่เหลืออยู่ได้รับค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
ประการต่อมา เมื่อรัฐสภาได้สำรวจสาเหตุของการอพยพอย่างจริงจัง
เผยให้เห็นปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่มานาน นั่นก็คือ ความยากจน และความไม่เท่าเทียมในสังคม
เมื่อปัญหาสังคมถูกเปิดเผย ประกอบกับผู้คนที่มีรายได้มากขึ้น จึงเริ่มมีการเรียกร้องสิทธิต่างๆ ท้ายที่สุดก็นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งสำคัญที่สุดของสวีเดน นั่นคือ
“ก่อกำเนิดรัฐสวัสดิการ”
สหภาพแรงงานถูกจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1898 เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม
รัฐบาลที่มาจากพรรคสังคมประชาธิปไตยได้ให้การช่วยเหลือแรงงานในการเจรจาข้อตกลงกับเหล่านายทุน จนกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เหล่าแรงงานมีสวัสดิการการทำงานที่ดีมากขึ้น
ทั้งการได้รับเงินสมทบ การลาพักร้อน และการประกันอุบัติเหตุระหว่างทำงาน
ในขณะที่สังคมทั่วไปก็มีระบบบำนาญสำหรับผู้สูงอายุ เงินช่วยเหลือสำหรับคนยากจนและคนพิการ เงินอุดหนุนเด็กและการศึกษา
จากจุดเริ่มต้น ระบบสวัสดิการของสวีเดน หรือ “Swedish Model” ถูกพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ
จนได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
สร้างความรู้สึกมั่นคงให้กับชาวสวีเดนตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนถึงลมหายใจสุดท้าย
สิ่งนี้กลายเป็นส่วนผลักดันให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
เมื่อรวมกับการที่สวีเดนดำรงความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ผลที่ได้คือ เศรษฐกิจของสวีเดนเริ่มเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงหลังสงครามโลก
ความเท่าเทียมกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของสังคมสวีเดน
การมองว่าทุกคนมีความเสมอภาคที่จะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดี ถูกถ่ายทอดมาสู่การสร้างสินค้า
และกลายเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของแบรนด์สวีเดน..
Volvo รถยนต์ที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยแนวคิดเรื่อง “ความปลอดภัย” นำไปสู่การคิดค้นเข็มขัดนิรภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนที่นั่งอยู่บนรถ
IKEA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านที่มีความหลากหลาย ดีไซน์สวยงาม พร้อมทั้งประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า ในราคาที่ผู้คนทั่วไปเป็นเจ้าของได้
H&M ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่ดูดี แต่ก็ยังคงไว้ด้วยราคาที่ทำให้คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้ง่ายในราคาสบายกระเป๋า
สินค้าสวีเดนไม่ใช่สินค้าหรูหราราคาแพง แต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
และด้วยความเข้าถึงได้นี่เอง จึงทำให้แบรนด์สวีเดนค่อยๆ ก้าวขึ้นมาตีตลาดโลกจนเป็นผลสำเร็จ
ทศวรรษ 1970s - 1990s เมื่อแบรนด์เหล่านี้ออกสู่ตลาดโลก เศรษฐกิจของสวีเดนจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
แต่สวัสดิการสังคมที่ดีก็นำมาสู่ปัญหาค่าใช้จ่ายของภาครัฐ
อีกทั้งการเติบโตด้านอุตสาหกรรมของประเทศในเอเชีย ทำให้บริษัทสวีเดนเริ่มประสบปัญหาในการแข่งขัน
แบรนด์สวีเดนจะอยู่อย่างยั่งยืนไม่ได้ โดยปราศจากปัจจัยสุดท้าย ซึ่งก็คือ..
ประการที่ 3 การวางแผนจากรัฐบาล
เมื่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ของประเทศในแถบเอเชียเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทสวีเดนเริ่มสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน
เมื่อรวมกับปัญหาค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ทำให้รัฐบาลสวีเดนต้องเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญ
องค์กรรัฐวิสาหกิจหลายแห่งถูกปฏิรูป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล
ทั้งลดจำนวนคน และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาแข่งขัน
อุตสาหกรรมหลายด้าน โดยเฉพาะเหล็กและยานยนต์ ถูกปรับให้มีความเฉพาะทางมากขึ้น
และจำเป็นที่จะต้องบุกเบิกอุตสาหกรรมใหม่ๆ นั่นคือ “อุตสาหกรรมเทคโนโลยี”
ปี ค.ศ. 1991 กระทรวงอุตสาหกรรมของสวีเดน ได้เปลี่ยนชื่อเป็น
กระทรวงผู้ประกอบการ และนวัตกรรม (Ministry of Enterprise and Innovation)
ที่ให้ความสำคัญในการวางนโยบายให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมที่จะนำมาสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
การสนับสนุนงบประมาณคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล การพัฒนาหลักสูตรด้านเทคโนโลยีตั้งแต่ในโรงเรียน รวมถึงสนับสนุนงบประมาณร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัทเอกชนในการวิจัยและพัฒนา
การลดภาษีนิติบุคคล จากอัตราสูงถึง 52% ในปี ค.ศ. 1990 เหลือประมาณ 22%
และลดภาษีสำหรับบริษัทที่ก่อตั้งมาไม่เกิน 10 ปี มีพนักงานไม่เกิน 50 คน และมีรายได้ไม่เกิน 80 ล้านโครนาสวีเดน หรือประมาณ 290 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีความสามารถ โดยเฉพาะบริษัทสตาร์ตอัป สามารถเข้ามาแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้
จากการทุ่มเทเป็นเวลามากกว่า 10 ปี สวีเดนก็ให้กำเนิดบริษัทใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีและบริการ หนึ่งในนั้นคือ..
“Spotify” บริษัทที่ก่อตั้งในปี ค.ศ. 2006
ทำธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มฟังเพลงออนไลน์ที่นำเอาเทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ประวัติการฟังเพลงในอดีต เพื่อแนะนำ Playlist ที่น่าจะเหมาะกับความชอบส่วนตัวของแต่ละคน และต่อยอดมาสู่การเป็นแพลตฟอร์ม Podcast ที่นักฟังทั่วโลกคุ้นเคย
ปัจจุบัน สวีเดนเป็นประเทศที่ใช้งบวิจัยและพัฒนาสูงมาก คิดเป็นสัดส่วนถึง 3.37% ของ GDP
และจัดอยู่ในระดับ Top 5 ของโลกที่ใช้งบวิจัยและพัฒนาต่อ GDP สูงสุด
ซึ่งนอกจากงานวิจัยด้านเทคโนโลยีแล้ว สวีเดนยังเน้นหนักไปในการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพ จนสามารถสร้างบริษัทระดับโลกด้านการแพทย์ เช่น
AstraZeneca บริษัทยาสัญชาติสวีเดน-อังกฤษ ที่เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
BioGaia บริษัทที่เป็นผู้นำในด้านการพัฒนาจุลินทรีย์โพรไบโอติก
สวีเดนยังมีกฎหมายที่อนุญาตให้พนักงานบริษัทสามารถลางานได้ถึง 6 เดือน แล้วออกไปเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง เพื่อต้องการกระตุ้นให้ประชาชนมีวิธีคิดแบบผู้ประกอบการ และริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆสู่สังคม
มาถึงตรงนี้ การที่แบรนด์สวีเดนเติบโตจนเป็นแบรนด์ระดับโลก
ไม่ได้เกิดจาก Vision หรือเป้าหมายของผู้ประกอบการที่จะขายคนทั้งโลกเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องมี Action คือ การพัฒนาองค์ประกอบหลายๆ ด้านไปพร้อมกัน
ทั้งองค์ความรู้ ที่ต่อยอดจากวิทยาศาสตร์พื้นฐาน มาสู่นวัตกรรมขั้นสูง
ความเท่าเทียมของผู้คน ที่ส่งผลให้แบรนด์สวีเดนสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนส่วนใหญ่
และนโยบายจากภาครัฐ ที่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เอื้อต่อการลงทุน และเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจได้พัฒนาต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
แบรนด์สวีเดนสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก และประเทศแห่งนี้ก็สร้างผู้ประกอบการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
บนโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน มีไอเดียและความฝันเกิดขึ้นมากมาย
ประเทศแห่งนี้เตรียมพร้อมทุกอย่างที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้น กลายเป็นความจริง
“สวีเดน”..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://eh.net/encyclopedia/sweden-economic-growth-and-structural-change-1800-2000/
-https://www.independent.co.uk/news/business/news/sweden-s-technology-powerhouse-shows-brexit-britain-positive-way-fix-its-ailing-economy-a8118641.html
-https://www.departures.com/lifestyle/home-design/swedish-companies-rule-the-world
-http://www.thaifta.com/thaifta/Portals/0/Sweden360_sep57.pdf
-https://www.government.se/contentassets/cbc9485d5a344672963225858118273b/the-swedish-innovation-strategy
-https://data.worldbank.org/indicator/GB.XPD.RSDV.GD.ZS
「1990s lifestyle」的推薦目錄:
1990s lifestyle 在 Trí Minh Lê Facebook 八卦
MAXIMALISM – ĐA THÁI CỰC TRONG THỜI TRANG.
Lúc nào cũng vậy, sẽ có những thái cực khác nhau trong một vấn đề, một văn hóa, một xã hội và cả một nền văn minh của loài người. Tỉ dụ như có những người ế thì có những người có cặp, có những người đàn ông theo đuổi những chị em có vẻ đẹp tâm hồn – thì cũng có những người đàn ông yêu thích về đường cong. Đùa vậy thôi – nó cũng không hề lạ lẫm trong thế giới thời trang. Nếu chúng ta nói nhiều về Minimalism/ Chủ nghĩa tối giản trong thời gian gần đây – thì cũng nên nói về Maximalism / Chủ nghĩa tối đa với thời trang.
Giống như một sợi dây thừng bện chặn, chủ nghĩa tối giản và chủ nghĩa tối đa chảy dài và xuyên suốt trong nền công nghiệp thời trang suốt thời gian qua. Hai chủ nghĩa này khác nhau hoàn toàn trong cách tiếp cận thiết kế, cách xử lí đường may và ứng dụng chất liệu. Từ thế kỷ 18, maximalism đóng một vai trò nổi bật và hoàn toàn đè bẹp minimalism trong các collection/runway từ các thương hiệu nổi tiếng. Cũng nên nhớ thời điểm đó, haute couture rules the fashion’s world. Thời trang cao cấp bởi từ các quý tộc, những kẻ giàu thống lĩnh thế giới – và lúc đó, mỗi trang phục mà con người mặc đòi hỏi sự tỉ mỉ và kì công rất cao. Sự tối giản lúc đó được xem là “Đố kị” vì chẳng ai bỏ ra một mớ tiền để có một bộ đồ “Trông thật bình thường”.
Thời kì vàng son của maximalism vẫn tưng bừng cho đến khoảng năm 2015 khi cơn bão mang tên “Streetwear” bùng nổ. Cùng với sự xuất hiện của những cái tên – từ những kẻ trong nghề như Demna Gvasalia với Vetements và Balenciaga, đến những kẻ ngoại đạo như Virgil Abloh hay người thầy KanyeWest – đã chuyển biến từ sự phức tạp “Maximalism” đến thành sân chơi của Big Logo và thiết kế đơn giản, hiệu quả và dấy lên sự trở lại của “Minimalism”/Chủ nghĩa tối giản.
Việc này cũng phản ánh được sự thay đổi về lifestyle, lối sống đã khác biệt đi rất nhiều từ các thế kỉ XVIII, XIX và XX – XXI. Cuộc sống giờ trở nên nhanh hơn rất nhiều, ăn nhanh – uống nhanh – sống nhanh và ăn mặc cũng nhanh. Ngay cả thời trang cũng ra đồ liên tục với hơn con số 04 mùa căn bản cũng không thể nào đáp ứng được sự “Tối đa thường thấy” mà các thương hiệu xa xỉ cũng bắt tay vào việc thiết kế những kiểu “Minimalism” – Tối giản hơn rất nhiều.
Nhưng khi – tối giản đã tràn lan khắp thị trường, mạng xã hội. Ai ai cũng minimalism – ai ai cũng tối giản (Và có nhiều người còn chả hiểu tối giản là gì) thì maximalism lần nữa – lại trở lại. Để tạo nên sự khác biệt – và dễ dàng, bạn có thể thấy, những điều này đã trở lại trên các bộ đồ mà celebs Việt mặc trong thời gian khoảng nửa năm trở lại gần đây. Tiêu biểu là outfit Suboi mặc trong MV “Đôi Khi” cùng phu quân Nodey.
Vậy Maximalism trong fashion là như thế nào?
Khác biệt với sự đơn giản thuần khiết – như cái tên, chủ nghĩa tối đa đánh vào chi tiết, vào sự tối đa của màu sắc, của kĩ thuật để thể hiện được cái tầm nhìn nghệ thuật và sự lãng mạn trong con người designer. Như mình đã đề cập lúc nãy, minimalism chưa bao giờ có chỗ đứng trong khách hàng thời trang cao cấp/haute couture. Đó cũng là lí do tại sao các bạn ít khi thấy đồ runway của các collection xuất hiện ở đời thực mà toàn là trên màn ảnh lớn, các sao/celebs (Là những kẻ nhiều tiền) và những quý tộc hiện đại mua sắm. Họ không bao giờ bỏ tiền cho một thứ gì đó đơn giản – và trong nó thật “Thường”. Maximalism đồng nghĩa với sự phóng đại, thổi phồng – dư thừa “Thà thừa còn hơn thiếu” hay một hệ thống phức tạp được sắp xếp cẩn thận trong một sản phẩm thời trang.
Nhưng sự tranh cãi giữa các nhà thiết kế, có nên phối hợp giữa “Minimalism” và “Maximalism” – Trong đơn giản có phức tạp mà phức tạp nhưng lại đơn giản.
Nếu nói về nó, hãy nói về những chiếc áo dệt tinh xảo của Coco Chanel. Hay những năm 1980s chúng ta chứng kiến những bộ đồ đậm chất phô trương và kĩ thuật của Thierry Mugler và Gianni Versace – nhưng 1990s, cuộc chiến đã càng căng hơn khi mà Helmut Lang và Martin Margiela đưa sự tối giản trong các collection của họ - đối trọng trực tiếp với 1 Alexander Mcqueen hay Jean Paul Gautier thích gì là làm nấy. Prada cũng thay đổi tuyên ngôn thời trang của họ với cách giới thiệu “Sự sang trọng ẩn mình” khi đã bắt đầu làm các sản phẩm trông đơn giản nhưng chi tiết vô cùng phức tạp. Năm 2011 – Raf Jan Simons với Jil Sander đã cho thế giới được ranh giới giữa minimalism và maximalism, hay sau đó là Lemaire, là Phoebe Philo của Céline. Hay – có những người điều hòa cả 2 thứ dựa vào những line đồ hay các bản collab với các thương hiệu khác – như cái cách Yohji Yamamoto làm với Y3 adidas, và Rei Kawakubo vậy.
Năm 2020 – với bùng nổ của Covid 19, khủng hoảng kinh tế nổi ra làm cho “Minimalism” không bị ảnh hưởng nhiều bởi sức chi mua của người dùng giảm bớt. Nhưng nó lại là dây dẫn cháy chậm cho các celebs/ngôi sao bắt đầu sử dụng lại các trang phục thời trang “Maximalism” để thay đổi bản thân và tạo điểm khác biệt. Quy trình những followers sẽ inspired sự phức tạp đó lên các outfit của mình sẽ được nhìn thấy vào giai đoạn 2020-2025 và đánh dấu sự trở lại của “Chủ nghĩa tối đa/ Maximalism”
---
Ủng hộ mình tại:
Paypal: https://www.paypal.me/triminhle0808
Banking account: Vietinbank
STK: 104005424124 - Chủ tài khoản: Lê Minh Trí.
1990s lifestyle 在 Pamme Lim Facebook 八卦
NEW BLOG POST! | เรื่องใหม่มาแล้ว 🙂
.
Why I Started YouTube/Blog? | ทำไมแพมถึงเริ่มทำ YouTube/Blog?
.
Hi, my name is Pamme Lim, I am a 1990s kid of mixed Asian ethnicity. Growing up in Bangkok, I considered myself a third-culture kid...I was particularly interested in the concept of globalisation and transnational identity, probably because I had burning questions about these issues growing up as third-culture child.
.
I wanted to share my stories, but I have always been scared, overprotective, and kept my life very private. Often, I would worry about what the readers would think about my decisions and opinions, but in late 2017, something hit me...
.
[👇🏼 CLICK TO CONTINUE READING👇🏼]
http://www.pammelim.com/2018/02/why-youtube.html
.
.
สวัสดีค่ะ ชื่อ แพม หรือ แพมเม่ ลิ้ม ค่ะ เป็นเด็กปี 1990s โดยกำเนิด เชื้อสายเอเชียผสมกันหลายชาติหน่อย โตในกรุงเทพมหานคร แต่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โตมาในวัฒธรรมที่หลากหลาย (Third-Culture)...อาจจะเป็นเพราะแพมโตมาในบริบทที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ภาษา และวัฒธรรมตั้งแต่เด็ก จึงทำให้มีคำถามมากมายอยู่ในใจที่ต้องการจะหาคำตอบ
.
ความจริงแพมอยากจะแชร์เรื่องราวของแพมมาตั้งนานแล้วแต่กลัวมาตลอด จึงทำให้เป็นคนใช้ชีวิตแบบส่วนตัวมากๆ จนบางทีอาจจะดูเหมือนลึกลับเลยก็ว่าได้ หลายครั้งที่แพมไม่กล้าจะแชร์เรื่องต่างๆเพราะมัวแต่กลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับการกระทำ และการตัดสินใจของเรา แต่เมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา มีบางอย่างทำให้แพมเปลี่ยนใจ...
.
[👇🏼 คลิ๊กลิงค์ด้านล่างเพื่ออ่านต่อเลย👇🏼]
http://www.pammelim.com/2018/02/why-youtube.html
1990s lifestyle 在 140 1990s Fashion, Food, and Lifestyle ideas - Pinterest 的八卦
Sep 20, 2021 - Explore Hallee's board "1990s Fashion, Food, and Lifestyle" on Pinterest. See more ideas about 1990s fashion, fashion, 90s fashion. ... <看更多>
1990s lifestyle 在 Daily Life and Popular Culture in the 1990s - YouTube 的八卦
The thing about the 90s is that since it was the last decade before social media, smartphones, selfies, and texting, it was pretty much the ... ... <看更多>