แนะนำหนังสือ "หมอกฎหมาย" โดย ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี รวบรวมขึ้นมา นับว่ามีประโยชน์ยิ่ง
หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยบทความที่ ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม เขียนลงในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ จำนวน 10 เรื่อง ดังนี้
1.ไหว้ครู
2.วิวัฒนาการกฎหมายไทย
3.คดีอำแดงป้อม
4.ระบบกฎหมายไทย
5.เรียนกฎหมาย
6.ประเภทของกฎหมาย
7. ภาษากฎหมาย
8.การตีความกฎหมาย
9.กระบวนการยุติธรรม
10. ศาล
ใครสนใจหนังสือเล่มนี้ ติดต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี นะครับ
ประเภทของกฎหมาย 在 sittikorn saksang Facebook 八卦
การศึกษานิติปรัชญา (ปรัชญากฎหมา ยตะวันตก)
สำหรับการเริ่มต้นศึกษานิติปรัชญา สิ่งแรกที่สมควรทำความเข้าใจให้กระจ่างนั้นน่าจะอยู่ที่การศึกษาความหมายหรือขอบเขตของคำว่า นิติปรัชญา
นิติ + ปรัชญา
นิติ นั้นแต่เดิมแปลว่า ขนบธรรมเนียม (ย่อมแปลว่ากฎหมายในความหมายปัจจุบันที่ใช้กันอยู่)
ส่วนคำว่ากฎหมายตามความเข้าใจในปัจจุบันนั้นภาษาโดยดั้งเดิมเราใช้คำว่า ธรรม
ธรรมอาจมีความหมายในแนวลึกว่าหมายถึงกฎธรรมชาติหรือความเป็นไปต่าง ๆ ของสรรพสิ่งตามธรรมชาติซึ่งอาศัยความสัมพันธ์และความเป็นปัจจัยต่อเนื่องอาศัยสิ่งทั้งหลาย โดยไม่มีตัวการอย่างอื่นนอกเหนือไปในฐานะผู้สร้างหรือผู้บันดาล
กฎหมาย = ธรรม
ธรรม = ธรรมชาติ กฎธรรมชาติ
ดังนั้น กฎหมาย = ธรรมชาติ กฎธรรมชาติ
เมื่อเราได้วิเคราะห์ศัพท์นิติ หรือกฎหมาย และคำถามในวิเคราะห์ศัพท์มา คือ ปรัชญา นั้นคืออะไร
ปรัชญา ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525 แปลความว่า ปรัชญา คือ วิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง แบ่งออกเป็น 2 สาขาใหญ่ คือ
- ปรัชญาบริสุทธิ์
- ปรัชญาประยุกต์
ปรัชญาบริสุทธิ์ แยกออกได้ 5 สาขา คือ
1. อภิปรัชญา คือ ปรัชญาที่มุ่งศึกษาหรือสอบค้นปัญหาเกี่ยวกับสัจธรรมของโลก
2. ญาณวิทยา คือ เป็นปรัชญาที่มุ่งศึกษาหาคำจำกัดความของความรู้คืออะไร
3. ตรรกวิทยา คือ ศึกษาถึงเกณฑ์ในการใช้เหตุผลโต้แย้ง
4. จริยศาสตร์ คือ เป็นปรัชญาที่ศึกษาปัญหาในทางศีลธรรมและคุณค่าต่าง ๆ ของความประพฤติ
5. สุนทรีศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยความงานคุณค่าของความงาม ตลอดจนสิ่งที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของความงาม
ส่วนปรัชญาประยุกต์ เป็นการนำเอาแนวความคิดและวิธีการทางปรัชญาบริสุทธิ์ไปใช้กับศาสตร์สาขาต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดปัญญาในแต่ละสาขาวิชา
เช่น ปรัชญากฎหมายสาขาวิชานิติศาสตร์ อาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ แยกได้ 3 แขนงใหญ่ คือ
1. นิติศาสตร์โดยแท้ เป็นวิชาการสอนและการศึกษาเพื่อทำให้รู้กฎหมายและใช้กฎหมายเป็น กฎหมายที่ว่านี้ หมายถึง กฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Positive Law อาจแปลว่ากฎหมายบ้านเมือง แยกได้ 2 ส่วน คือ
1. ส่วนของเนื้อหาของกฎหมาย
2. ส่วนที่เป็นนิติวิธี คือ วิธีคิดเกี่ยวกับกฎหมาย
บางทีก็เรียกวิชานิติศาสตร์โดยแท้ว่าเป็น Legal Dogmatics ซึ่งแปลว่าวิชาหลักกฎหมาย คือ วิชากฎหมายที่เราเรียนกันอยู่
2. วิชานิติศาสตร์ทางข้อเท็จจริง อีกแง่หนึ่งเราอาจตีความบทกฎหมายในฐานะที่เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในสังคมหรือที่เกิดขึ้นในกระแสธารแห่งเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ก็ได้
ประวัติศาสตร์กฎหมาย เป็นวิชาศึกษาความเป็นมาและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในอดีต
สังคมวิทยากฎหมาย เป็นวิชาศึกษากฎหมายในฐานะที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งในสังคมศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในสังคมว่าเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันอย่างไร
3. วิชานิติศาสตร์ทางคุณค่า ได้แก่ วิชากฎหมายเปรียบเทียบและวิชานิติบัญญัติ
ดังนั้น นิติปรัชญาเป็นสาขาหนึ่งในปรัชญาประยุกต์ จากแนววิเคราะห์ถ้อยคำที่ผ่านมา อาจทำให้มองเห็นความหมายคร่าว ๆ ว่านิติปรัชญาน่าจะเป็นการศึกษาภาพรวมของกฎหมายในเชิงปรัชญา คือ เรื่องธรรมชาติของกฎหมายหรือความสัมพันธ์ของกฎหมายกับจริยธรรม เป็นต้น
ความหมายหรือคำนิยามของนิติปรัชญา ในทรรศนะของอาจารย์ผู้รู้วิชานิติปรัชญาของไทยก็ได้คำนิยาม วิชานิติปรัชญา ดังนี้
1.ศ.ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ได้ให้ความหมานของ คือ “วิชานิติปรัชญาศึกษาถึงรากฐานของทฤษฎีของกฎหมาย (Theoretical foundation of Law) ศึกษาถึงอุดมคติสูงสุดหรือคุณค่าอันแท้จริงของกฎหมายหรือแก่นสาระของกฎหมาย (Nature of Law) ความมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของกฎหมายอยู่ไหน คำตอบเหล่านี้ย่อมจะแตกต่างไปตามสำนักความคิดทางปรัชญานิติปรัชญาศึกษาว่าทำไมคนจึงต้องยอมรับนับถือกฎหมาย (Validity of Law) นอกจากนี้แล้ว นิติปรัชญาจะกล่าวถึงเรื่องความยุติธรรมและความสำคัญระหว่างกฎหมายกับความยุติธรรม”
2.ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ได้ให้ความหมาย คือ “วิชานิติปรัชญา ได้แก่ การศึกษาหลักการพื้นฐานอย่างลึกซึ้งในกฎหมายเพื่อแสวงหาอุดมการณ์ขั้นสุดท้าย และค่านิยมที่แท้จริงของกฎหมาย เช่น ปัญหาว่าด้วยลักษณะอันแท้จริงของกฎหมายคืออะไร เหตุใดจึงต้องมีกฎหมาย กฎหมายมีคุณประโยชน์อย่างไร รากฐานของกฎหมายมีอยู่อย่างไร เจตนารมณ์ของกฎหมายคืออะไร แนวความคิดและทฤษฎีทางกฎหมายโบราณกับปัจจุบันมีข้อแตกต่างกันอย่างไร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของวิชานิติปรัชญากฎหมายทั้งสิ้น แต่วิชาปรัชญากฎหมายจะไม่มุ่งไปในเนื้อหารายละเอียดของบทบัญญัติแห่งกฎหมายในปัจจุบัน……”
3. ดร. รองพล เจริญพันธ์ ได้ให้ความหมาย คือ “นิติปรัชญาเป็นการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับความยุติธรรมเป็นการศึกษาให้เข้าถึงซึ่งสัจธรรม, วิญญาณกฎหมายหรือสิ่งที่เป็นคุณค่าของหลักการและทฤษฎีกฎหมาย ซึ่งอยู่เบื้องหลังตัวบทและวิธีการทางกฎหมาย…”
4. ศ. ดร.วิษณุ เครืองาม ได้ให้ความหมาย คือ “นิติปรัชญา หมายถึง วิชาที่ศึกษาในลักษณะที่เป็นทฤษฎีมิใช่หลักหรือตัวบทกฎหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะทฤษฎีที่ว่านี้ หมายถึง ทฤษฎีว่าด้วยความหมายของกฎหมาย การกำเนิดของกฎหมาย ประเภทของกฎหมาย เจตนารมณ์ของกฎหมาย และเรื่องราวปัญหารากฐานในทางนิติปรัชญามีอยู่ 3 ประการ คือ
- ปัญหาว่ากฎหมายคืออะไร
- ปัญหาว่ากฎหมายมีผลบังคับอย่างไร
- ปัญหาว่าอะไรควรถือเป็นหลักการที่ผู้บัญญัติกฎหมายพึงยึด คือ เป็นแนวทางในการ
บัญญัติกฎหมายขึ้นมาใช้บังคับให้เกิดความเป็นธรรม”
วัตถุประสงค์ของการศึกษาวิชานิติปรัชญา เพื่อให้รู้และเข้าใจแนวความคิดทางปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังกฎหมาย
- เพื่อให้รู้จักมองกฎหมายในเชิงปรัชญา
- เพื่อให้เข้าถึงวิญญาณของกฎหมาย เป็นนักกฎหมายที่มีจิตใจเป็นนักกฎหมายอย่าง
แท้จริง
- เพื่อให้ผู้ศึกษามีความรู้ความเข้าใจในบทบาทหรือความสำคัญของกฎหมายในสังคม
- เพื่อให้ผู้ศึกษารู้จักใช้ดุลยพินิจและหาเหตุผลกำกับการใช้ดุลพินิจ
- เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจความหมายคำว่า “ ทำนองคลองธรรม “
สรุป วิชานิติปรัชญา ว่าเป็นการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับความยุติธรรมเรื่องธรรมชาติของกฎหมายโดยส่วนรวมและนอกจากนั้นยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับหลักคุณค่าอื่นๆ ในสังคม อาทิ ศีลธรรม อิสรภาพ ความเสมอภาค หลักเรื่องอรรถประโยชน์ หรือประโยชน์สุขของสังคมซึ่งเป็นการพิจารณาในเชิงมิติทางสังคมของกฎหมาย หรือบริบททางสังคมภายในกฎหมาย ภายในปริมณฑล เกี่ยวกับการศึกษากฎหมายในเชิงปรัชญาดังกล่าว จึงมีเรื่องราวหรือคำถามหลักๆ ที่ควรคิดมากมาย เช่น กฎหมายคืออะไร
- อะไรคือเงื่อนไขความสมบูรณ์ของกฎหมาย
- กฎหมายกับความยุติธรรมสัมพันธ์กันอย่างไร
- เป็นไปได้ไหมที่กฎหมายจะขัดแย้งกับความยุติธรรม ถ้าได้ผลจะเป็นย่างไร
- จริงหรือว่าเราทุกคนต่างล้วนมีหน้าที่ทางศีลธรรมที่จะต้องเคารพเชื่อฟังกฎหมาย
ในทุกกาลเทศะโดยไม่ต้องคำนึงว่ากฎหมายนั้นๆ จะมีเนื้อหาสาระที่ชอบธรรมหรือไม่ประการใด
- สิ่งที่เรียกว่า หลักนิติธรรม (The Rule of Law) มีความศักดิ์สิทธิ หรือคุณค่าในตังมันเองเสมอไปหรือ
- หลักนิติรัฐ คืออะไร มีความหมายในทางลบได้หรือไม่
- กฎหมายมีความสัมพันธ์กับระบบเศรษฐกิจหรือการเมืองเพียงใด
เหล่านี้ นับว่าเป็นตัวอย่างคำถามสำคัญที่อาจถือเป็นหัวใจศึกษาในวิชานิติปรัชญาจะได้พูดกันต่อไป และการตอบคำถามดังกล่าวต่างก็มีแง่มุมหรือวิธีการเข้าสู่คำตอบอย่างเป็นระบบต่าง ๆ กันสุดแล้วแต่แนวคิดทฤษฎีความเชื่อถือในสำนักความคิดทางปรัชญากฎหมาย ซึ่งมีกฎหลายทฤษฎีสำนัก ได้แก่
- สำนักกฎหมายธรรมชาติ
- สำนักปฏิฐานนิยม
- สำนักกฎหมายประวัติศาสตร์
- สำนักนิติศาสตร์เชิงสังคมวิทยา
- สำนักสัจนิยมทางกฎหมาย
- สำนักมาร์กซิสต์ เป็นต้น
ประเภทของกฎหมาย 在 ความรู้กฎหมาย ประเภทของกฎหมาย - YouTube 的八卦
ชุดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมาย ประกอบด้วย 4 หัวข้อสำคัญ ดังนี้1. ระบบกฎหมายที่ใช้ในโลกปัจจุบัน 2. ประเภทของกฎหมาย *กฎหมายมหาชน *กฎหมายเอกชน ... ... <看更多>